บทความ
เรื่อง: เทคโนโลยีการศึกษากับครูไทยในศตวรรษที่ 21
เขียนโดย เจริญ สุขทรัพย์วันอาทิตย์ที่ 08 มีนาคม 2015 เวลา 17:41 น.
เทคโนโลยีการศึกษากับครูไทยในศตวรรษที่ 21
ทักษะความสามารถ ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิต การอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น รวมทั้งทักษะพื้นฐานด้านการทางาน การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และทักษะเฉพาะอาชีพ ....... ครูจึงต้องพร้อมที่จะปรับตัวและพัฒนาตนเองให้เท่าทันเทคโนโลยีอยู่เสมอ และต้องมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาทักษะและวิทยาการให้ทันสมัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคนิควิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ได้เด็กมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่สังคมไทยและสังคมโลกต้องการ
เมื่อสังคมโลกได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจาวัน ครูในศตวรรษที่ 21 จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเรียนรู้ให้เท่าทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยต้องพัฒนาทักษะด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในวงการศึกษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้สามารถชี้แนะและส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา
นอกจากนี้ ครูไทยในอนาคตยังต้องมีความรู้จริงในเรื่องที่สอน และต้องมีเทคนิควิธีการให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้จากประสบการณ์ รวมทั้งจัดกิจกรรมเชื่อมโยงความรู้จากแหล่งเรียนรู้ภายนอก ฝึกให้นักเรียนทำงานเป็นทีม เป็นนักออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และแสดงออกซึ่งความรักและความห่วงใยต่อนักเรียน ทั้งนี้
กระบวนการเรียนการสอนดังกล่าวจะสัมฤทธิ์ผลได้ ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกัน หาทางลดปัญหาและอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาครู อาทิ ภาระงานอื่นนอกจากการสอน กำหนดอัตรากำลังไม่เหมาะสม รวมทั้งครูสอนไม่ตรงสาขา เป็นต้น ซึ่งแนวทางและความเป็นไปได้ในการพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 นั้น ต้องดำเนินการทั้งด้านนโยบายและด้านการพัฒนาตนเองของครูควบคู่กันไป จึงจะทำให้ครูเป็นครูยุคดิจิตอลอย่างแท้จริง
เทคโนโลยีการศึกษากับครูไทย
ความสำคัญและสภาพปัญหา
โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สังคมแห่งการเรียนรู้ไม่มีวันหยุดนิ่ง สังคมโลกกลายเป็นสังคมความรู้ (Knowledge Society) หรือสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) องค์การทางการศึกษา จึงต้องปรับตัวให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยมีความคาดหวังว่าคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับคุณภาพครูเป็นหลัก
จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 มีนโยบายมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาโดยยึดคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้การเปลี่ยนแปลง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และสร้างสังคมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพอันก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต สอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้พัฒนาการศึกษา ของประเทศอย่างเร่งด่วน โดยหนึ่งในนโยบายเร่งรัดคือ ปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนาครู ให้สามารถจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรปัจจุบันและรองรับหลักสูตรใหม่ ให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2553 และมาตรฐานวิชาชีพครูตามที่คุรุสภากำหนด
ดังนั้น ครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้แก่ศิษย์ รวมทั้งพัฒนาศิษย์ให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ โดยเน้นกระบวนการ 4 ด้าน คือ ด้านความรู้ ความคิด หรือพุทธพิสัย (Cognitive Domain) ด้านความรู้สึก อารมณ์ สังคมหรือด้านจิตพิสัย (Affective Domain) ด้านทักษะปฏิบัติหรือทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) และด้านทักษะการจัดการหรือทักษะกระบวนการ (Management Skill)
แนวโน้มการศึกษาในระดับนานาชาติได้มุ่งเน้นไปที่ทักษะความสามารถ ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิต การอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น รวมทั้งทักษะพื้นฐานด้านการทางาน การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และทักษะเฉพาะอาชีพ ซึ่งเป็นทักษะ ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) และองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)ให้ความสำคัญ ส่วนในวงการศึกษาไทยมองว่า ครู คือ กุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพการศึกษา แต่ความเป็นครูในสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะวิกฤติศรัทธาในวิชาชีพ ดังนั้นจึงควรต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับครูยุคใหม่อย่างเร่งด่วน เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาคนให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่พร้อมขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาประเทศที่มีคุณภาพต่อไป
ความสำคัญและสภาพปัญหาของเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
ในยุคศตวรรษที่ 21 กระบวนการเรียนอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยผู้เรียนจะเรียนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัยมีความก้าวหน้า และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากและรวดเร็วขึ้น ปัญหาที่สืบเนื่องมาจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นต่อห้องเรียน จนทำให้วิธีการสอนแบบเดิมๆ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สื่อที่แสดงมีขนาดใหญ่ไม่เพียงพอสำหรับ ผู้เรียนที่อยู่หลังห้อง ความจดจ่อกับผู้สอนถูกเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนขนาดใหญ่ ผู้เรียนมีการนำเอาคอมพิวเตอร์พกพาเข้ามาสืบค้นความรู้ในชั้นเรียน และถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอน หรือนำข้อมูลเหล่านั้นมาพูดคุย โดยที่ครูตอบไม่ได้ หรือไม่เคยรู้มาก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ ครูจึงต้องพร้อมที่จะปรับตัวและพัฒนาตนเองให้เท่าทันเทคโนโลยีอยู่เสมอ และต้องมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาทักษะและวิทยาการให้ทันสมัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคนิควิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ได้เด็กมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่สังคมไทยและสังคมโลกต้องการ
ปัจจุบันมีแนวทางการพัฒนา ICT เพื่อการศึกษา ดังนี้
1) การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนของสถานศึกษา ทั้งคอมพิวเตอร์ประจำห้องปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ ศูนย์ข้อมูล Data Center และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อการศึกษา สำหรับใช้ในการเรียนการสอน
2) การพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน การบูรณาการโครง ข่าย MOENet และ NEdNet ให้เป็นโครงข่ายเดียว โดยใช้ชื่อว่า OBEC-NET สำหรับใช้เป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัย โดยเชื่อมต่อโรงเรียนต่างๆ ไว้กับศูนย์ข้อมูลของ สพฐ. OBEC Data Center
3) การพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Contents) ในรูปแบบสื่อออนไลน์ผ่าน เว็บไซต์ e-Book หรือ Applications ต่างๆ เนื่องจากรูปแบบการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีลักษณะที่เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างครูกับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่มาช่วยในการเรียนการสอน ทักษะด้าน ICT จึงมีความสำคัญมากสำหรับครู เพราะการพัฒนาสื่อการสอน และจัดสรรทรัพยากร แหล่งเรียนรู้ต่างๆ ต้องอาศัยเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนในยุคดิจิตอล รวมถึงใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ให้กับนักเรียนด้วย
ครูไทยในอนาคต
เมื่อสังคมโลกเปลี่ยนไป ผู้เรียนไม่ได้เรียนรู้จาก
โรงเรียนเพียงแห่งเดียว แต่สามารถเรียนรู้ได้จากแหล่ง
เรียนรู้ภายนอกที่เป็นสังคมรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก
อินเทอร์เน็ต การเข้าถึงความรู้ได้โดยง่ายทำให้ความรู้เดิม
ของนักเรียนของนักเรียนแต่ละคนค่อนข้างแตกต่างกัน
เพราะนักเรียนสามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตัวเขาเอง อยู่ที่
ใครจะกระตือรือร้นในการแสวงหามากกว่ากัน เมื่อเป็น
เช่นนี้ครูควรตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนแต่ละคน
และพยายามแก้ไขความรู้ที่ผิด เพื่อความรู้ผิดๆ จะได้
ไม่ติดตัวเขาไป (วิจารณ์ พานิช, 2556) ซึ่งการตรวจสอบ
ความรู้เดิมของผู้เรียนเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการ
วิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบระบบการสอน (Instruction
System Design) ซึ่งไม่ว่าจะยุคสมัยใด การออกแบบ
ระบบการสอนยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ครูต้องปฏิบัติ เพียงแต่
ต้องปรับกระบวนการให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง
ไปในแต่ละยุคสมัย
การออกแบบระบบการสอนในศตวรรษที่ 21 ต้อง
ออกแบบให้นักเรียนได้เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง
มากกว่าการรับการถ่ายทอดจากครูผู้สอน (Constructivism)
โดยออกแบบให้นักเรียนได้ค้นหาความรู้ด้วย
ตนเอง วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล และสรุปเป็น
องค์ความรู้ รูปแบบการเรียนการสอนแบบนี้ เช่น การสอน
แบบสืบเสาะ (Inquiry Learning) การสอนแบบปัญหา
เป็นฐาน (Problem-Based Learning) การสอนแบบ
วิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning) เป็นต้น
และหากต้องการให้นักเรียนสามารถจดจำความรู้เหล่านั้น
ได้ดีขึ้นและเกิดทักษะต่างๆ จากการปฏิบัติ ครูควร
ออกแบบการสอนให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ด้วยการ
สร้างสรรค์ชิ้นงาน และเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมที่ได้
สู่สาธารณชน โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียน
การสอนและการปฏิบัติกิจกรรม รูปแบบการสอนแบบนี้
เช่น การสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) เป็นต้น การออกแบบตามรูปแบบการสอน
เหล่านี้ จะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะต่างๆ ที่สำคัญ เช่น
ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะการเรียนรู้และทำงาน
ร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เป็นต้น ซึ่งทักษะ
ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิต
ในศตวรรษที่ 21
การเรียนการสอนในยุคสมัยใหม่ครูจะต้องเรียนรู้
และทำงานเป็นทีม คือ ครูเป็นผู้เรียนรู้ไปด้วย โดยเรียนรู้
ร่วมกันกับครูท่านอื่นๆ เพื่อร่วมกันวางแผนออกแบบ
การสอน พูดคุย ปรึกษาหารือ เสนอแนะซึ่งกันและกัน
การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมของครูนี้ เรียกว่า Professional
Learning Community (PLC) สถานศึกษาบางแห่ง
จัดให้มี PLC ทุกสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้ครูสามารถวางแผน
การสอน การประเมิน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป
ในศตวรรษที่ 21 ครูเปลี่ยนบทบาทจากผู้ถ่ายทอด
มาเป็นผู้แนะนำหรือที่ปรึกษา ออกแบบระบบการสอน
ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อสร้างองค์ความรู้จาก
ภายใน ส่งเสริมให้นักเรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
วัดและประเมินผลผู้เรียนด้วยวิธีการและเครื่องมือที่
หลากหลายและเหมาะสมกับวิธีการหรือรูปแบบการสอน
ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกัน มีความสามารถในการ
สื่อสารและถ่ายทอดความรู้ จัดสภาพแวดล้อมและ
บรรยากาศการเรียนรู้ในลักษณะเปิด เพื่อส่งเสริมนักเรียน
เกิดการตื่นตัวแบบผ่อน (Relaxed alertness) ซึ่งเป็น
ภาวะที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ นอกจากนี้ ปัญหาอุปสรรค
ต่างๆ ที่ขัดขวางการประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน
ของครูต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกจุด ครอบคลุม และเป็น
ระบบ แนวทางการพัฒนาครูต้องทำควบคู่กันไปทั้งด้าน
นโยบายที่มาสนับสนุน และการพัฒนาตนเองของครู
ซึ่งต้องอาศัยความตระหนักและความร่วมมือจากทุก
ภาคส่วน รวมถึงการเปิดใจรับสิ่งใหม่และการปรับตัว
ของครู เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา
ความรู้ความสามารถของครู รวมถึงใช้เพื่ออำนวยความ
สะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนได้เป็น
อย่างดี ดังนั้น ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีของครูจึงเป็น
สิ่งสำคัญที่ครูจะละเลยไม่ได้

ขอบคูณข้อมูลจาก : http://personnel.obec.go.th/ และ http://journal.pim.ac.th/uploads/content/2014/12/o_1984rdsj8vr8nc715d1ml0vqd1a.pdf